วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

EU เตรียมถกเรื่องความเป็นส่วนตัว



ปารีส 6 ม.ค. - สหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้หารือเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยด้านสุขภาพของการใช้เครื่องสแกนแบบเต็มตัว ก่อนตัดสินใจสนับสนุนให้ใช้อย่างกว้างขวาง
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของอียูเตรียมประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือเรื่องมาตรการตรวจเข้มฉุกเฉิน ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐจะหารือกับอียูในวันนี้ สเปนประกาศจะไม่ใช้เครื่องสแกนแบบเต็มตัวหากอียูยังไม่มีข้อตกลงเรื่องนี้ อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ เผยว่าจะใช้เยอรมนีและอิตาลีสนับสนุนให้เข้มงวดการตรวจ แต่อียูยืนยันต้องตรวจสอบเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยต่อสุขภาพเสียก่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายคนระบุว่ารังสีเอ็กซ์และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องสแกนแบบเต็มตัวมีความเสี่ยงน้อย


สายการบินปากีสถานอินเตอร์เนชั่นแนล แอร์ไลน์ เผยว่า ผู้โดยสารไม่ต่อต้านมาตรการตรวจเข้มผู้ที่จะเดินทางไปสหรัฐ และยังให้ความร่วมมือด้วยดี เพราะเห็นว่าทำไปเพื่อความปลอดภัย หลังจากปากีสถานเป็น 1 ใน 14 ประเทศเป้าหมายที่สหรัฐกำหนดว่าต้องตรวจผู้โดยสารเข้มงวดเป็นพิเศษ ด้านอะบาคัส บริษัทรับจองตั๋วเครื่องบินชั้นนำ เผยว่ามาตรการใหม่อาจสร้างความไม่สะดวก แต่จะไม่กระทบต่อการเดินทางไปสหรัฐ พร้อมกับยกตัวอย่างว่ามาตรการเข้มงวดหลังเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ไม่ทำให้คนเดินทางไปสหรัฐลดลง ชาวอังกฤษคนหนึ่งที่เดินทางไปสหรัฐบ่อยไม่คิดว่าการใช้เครื่องสแกนแบบเต็มตัว และเครื่องตรวจตามร่างกายจะช่วยป้องกันเหตุร้ายได้ เพราะเมื่อขึ้นไปบนเครื่องก็มีบริการมีดและส้อมโลหะที่ใช้เป็นอาวุธได้ ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทยเผยว่าเตรียมนำเครื่องสแกนเต็มตัวมาใช้เช่นกัน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสายการบินใดร้องเรียนเรื่องความไม่สะดวก อย่างไรก็ดี แต่ละวันมีผู้โดยสารจาก 14 ประเทศเป้าหมายน้อยมากจากจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการวันละ 150,000 คน.



* สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2010-01-06 11:01:11
http://www.mcot.net/inside-headline.php?nid=5466

"สัญญาณฟ้า" อุปราคา "ลางอันตราย" ปี 2553 เกิด 5 ครั้ง


เข้าสู่วันสุดท้ายของปีเก่า 2552 ก่อนจะก้าวผ่านสู่ปีใหม่ 2553 ในคืนรอยต่อข้ามปี...บนท้องฟ้าจะมีปรากฏการณ์ “อุปราคา” เกิดขึ้น และจากนั้นในรอบปี 2553 ก็จะมีอุปราคาอีก 4 ครั้ง รวมเป็น 5 ครั้ง ซึ่งอุปราคานี้ก็มีทั้งแบบที่เรียกว่า “สุริยุปราคา-สุริยคราส” และ “จันทรุปราคา-จันทรคราส” “อุปราคา” ในด้านหนึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติแห่งดาว ขณะที่ทางด้านโหราศาสตร์ถือเป็น “สัญญาณฟ้าที่ไม่ดี” ทั้งนี้ กับอุปราคา หรือทางโหรเรียกว่า “พระเคราะห์บังกัน” ในปี 2553 ในด้านของการเป็นสัญญาณจากฟ้า-จากดวงดาว ทาง อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ มีคำทำนาย ทายทัก ดังนี้..... อุปราคาครั้งที่ 1 คืนส่งท้ายปีเก่า เกิดเวลา 02.14 น. วันที่ 1 ม.ค. 2553 เป็น “จันทรุปราคาแบบบางส่วน” คำทำนายโดยสรุปคือ...ต้องระวังเกิดความยุ่งยากเรื่องผู้ใช้แรงงาน เกิดการประท้วง เกิดอาชญากรรมมาก เกิดโรคระบาดหนัก เกิดความยุ่งยากในวงการศาสนา การศึกษา กฎหมาย แพทย์ อุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย เกิดลมพายุรุนแรง หนาวจัด การเดินทางขนส่งติดต่อสื่อสารเกิดปัญหา เกิดอัคคี ภัยใหญ่ วงการบันเทิงมีปัญหา สตรีและเด็กถูกละเมิดสิทธิรุนแรง เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญ อบายมุขเฟื่องฟู เกิดปัญหาสังคมมาก


รัฐสภาจะตกต่ำถูกครอบงำโดยอิทธิพลและผลประโยชน์ มีปัญหายุ่งยากกับประเทศเพื่อนบ้านเพราะคนต่างถิ่นต่างแดน คนหมู่มากเกิดวิวาทะ มีความคิดเห็นรุนแรง พร้อม ๆ กับมีการใช้กำลังอาวุธ อุปราคาครั้งที่ 2 วันที่ 15 ม.ค. 2553 เวลา 14.12 น. เกิด “สุริยุปราคาแบบวงแหวน” คำทำนายโดยสรุปคือ... ต้องระวังด้านการต่างประเทศ ในบางกรณีเกิดความผันแปรครั้งสำคัญทางการเมือง ดินฟ้าอากาศแปรปรวน พืชผล-เศรษฐกิจการค้าเสียหาย อุปราคาครั้งนี้เกิดในราศีมังกร ธาตุดิน ระวังการพังทลายของดิน อาคารบ้านช่อง อาณาเขตมีปัญหา การช่วงชิงผลประโยชน์เยี่ยงโจรเกิดขึ้นมากมายตามโจโรฤกษ์ที่แนวอุปราคาปรากฏ รัฐบาลคะแนนนิยมตกต่ำเพราะปัญหาเศรษฐกิจ คอร์รัปชั่น สุขภาพประชาชน เกิดปัญหาระหว่างชนชั้นมากขึ้น มีการโจมตีใส่ร้ายบุคคลสำคัญ เกิดการสูญเสีย-การตายเพราะความแตกแยก ต้อง ระวังการสูญเสีย-การลอบสังหารบุคคลสำคัญ การปฏิวัติรัฐประหาร อาจมีให้เห็นอีก อุปราคาครั้งที่ 3 เกิด 26 มิ.ย. เวลา 18.32 น. เกิด “จันทรุปราคาแบบบางส่วน” ในราศีธนู ธาตุไฟ คำทำนายโดยสรุปคือ... เมื่อเกิดอุปราคาขึ้นในฤกษ์นี้จะทำให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะ ที่สังคมจะมีการเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น ไม่เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและ กัน ไม่มีความเมตตาปรานี ขาดการประนีประนอม ต้องระวังเกิดความยุ่งยากเรื่องการชุมนุมประท้วงทางการเมือง แรงงาน เกิดคดีอาชญากรรมมากขึ้น เกิดพายุใหญ่ โรคภัยในคนและสัตว์ระบาดหนัก เกิดเชื้อโรคใหม่ วงการศาสนา ศึกษา แพทย์ กฎหมาย เกิดยุ่งยากสูญเสีย การเดินทางระวังเกิดอุบัติเหตุมาก ต้องระวังการเกิดไฟไหม้ครั้งสำคัญ เกิดเหตุการณ์สาธารณะ ที่ตื่นเต้น เกิดเหตุฆาตกรรมสำคัญ บางกรณีอาจเกิดการปะทะของกองกำลังต่าง ๆ และเกิดการตายของประชาชนและบุคคลสำคัญ อุปราคาครั้งที่ 4 เกิด 12 ก.ค. 2553 เวลา 02.42 น. เกิด “สุริยุปราคาเป็นสรรพคราส (มืดมิดดวง)” ในราศีมิถุน ธาตุลม คำทำนายโดยสรุปคือ... ต้องระวังเกิดลมพายุรุนแรง เกิดอุบัติเหตุ-ปัญหาทางการขนส่งคมนาคมการสื่อสาร รัฐสภาถูกครอบงำโดยอิทธิพล ผลประโยชน์ มีปัญหายุ่งยากเรื่องกฎหมาย พรรคการเมืองแตกแยก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผันแปร ผู้นำ-ผู้ปกครองเกิดอันตราย บุคคลมีชื่อเสียงป่วยหนักหรือถึงแก่กรรม รัฐบาลจะใช้มาตรการที่เฉียบ ขาดเพื่อให้เกิดความยำเกรง กองทัพกองกำลังจะเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด
ต้องระวังจะมีปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงเกิดขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้มีการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินครั้งสำคัญ มีอาชญา กรรมลึกลับซับซ้อนเกิดขึ้น เกิดปัญหาลึกลับจากต่างด้าว อุปราคาครั้งที่ 5 เกิด 21 ธ.ค. 2553 เวลา 15.14 น. เกิด “จันทรุปราคาเป็นสรรพคราส (มืดมิดดวง)” ในราศีมิถุน ธาตุ ลม คำทำนายโดยสรุปคือ...ต้องระวังเกิดยุ่งยากเรื่องผู้ใช้แรงงาน เกิดอาชญากรรมมาก เกิดโรคระบาดหนัก มีความยุ่งยากในวงการศาสนา ศึกษา กฎหมาย แพทย์ เกิดอุบัติเหตุมาก เกิดลมพายุทำลายล้างรุนแรง เกิดวิวาทะรุนแรง การใช้กำลังอาวุธ วงการศาสนาเกิดการแตกแยก การคมนาคมขนส่งสื่อสารเกิดปัญหา วงการบันเทิง ศิลปิน มีปัญหา เกิดการสูญเสียบุคคลสำคัญในวงการ มีปัญหาระหว่างนายทุนกับผู้ใช้แรงงาน ธุรกิจขาดทุน งานบริการงานบันเทิงทรุดลง สุขภาพประชาชนถูกกระทบกระเทือน อบายมุขเฟื่องฟู ประชาชนจะลุ่มหลงในอบายมุขตามการโฆษณาชวนเชื่อ เกิดปัญหาสังคมขึ้นตามมามากมาย ที่ว่ามาก็เป็นคำพยากรณ์โดยสรุปเกี่ยวกับ “อุปราคา” ในปี 2553 ซึ่งทางโหรมีเกณฑ์ในการพยากรณ์ที่เป็นหลักการ แต่ด้วยพื้นที่จำกัดจึงไม่อาจแจกแจงได้หมด ทั้งนี้ ทาง อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ ยังระบุไว้ด้วยว่า..... “การเกิดของอุปราคาแต่ละครั้งจะมีผลต่อคนไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมองเห็นในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม ?!?!?”.


ที่มา Daily New Only 6-01-2010

โอบามา ตำหนิความล้มเหลวด้านข่าวกรองอย่างรุนแรง


วอชิงตัน 6 ม.ค. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ กล่าวตำหนิอย่างรุนแรงต่อความล้มเหลวด้านข่าวกรอง และว่า จะไม่อดทนต่อความผิดพลาดของหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐในการรวบรวมข้อมูลซึ่งจะนำไปสู่การเปิดโปงเหตุพยายามก่อวินาศกรรมบนเครื่องบินโดยสารสหรัฐเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโอบามา แถลงเกี่ยวกับเหตุพยายามระเบิดเครื่องบินโดยสารของสหรัฐผ่านทางโทรทัศน์ และแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐ ภายหลังเรียกตัวบรรดาหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติเข้าพบที่นำเนียบขาวเมื่อวานนี้


ผู้นำสหรัฐ ระบุว่า มีความชัดเจนว่าหน่วยงานข่าวกรองไม่วิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดเพียงพอ และว่า การไม่แจ้งเตือนภัยก่อนจะเกิดเหตุร้ายนั้นจะทำให้เกิดความหายนะ และร้ายแรงกว่าที่คาดไว้ กรณีที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ และเขาจะไม่อดทนต่อเรื่องนี้ พร้อมประกาศว่า จะระงับการส่งนักโทษจากเรือนจำอ่าวกวนตานาโม ในคิวบา ไปยังเยเมน หลังมีข้อมูลว่า เครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในคาบสมุทรอาหรับเป็นผู้วางแผนเหตุระเบิดเครื่องบินเมื่อวันคริสต์มาส อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐรับปากจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะปิดเรือนจำแห่งนี้

ขณะที่ทำเนียบขาวกำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักให้รับผิดชอบต่อเหตุที่เกิดขึ้น นายโรเบิร์ต กิบบ์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (เอฟบีไอ) ได้สอบปากคำนายอูมาร์ ฟารุก อับดุลมูตัลลับ ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุชาวไนจีเรีย และได้ข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ได้

สำนักข่าวไทยอัพเดต เมื่อ 2010-01-06 09:26:07
http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTEzMzI2OCZudHlwZT10ZXh0



ครม.เห็นชอบแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. 2552–2559)



นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๓ ได้เห็นชอบแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ๒๕๕๒–๒๕๕๙) และเห็นชอบในหลักการพัฒนากายภาพของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ โดยขอใช้งบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เห็นชอบแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ๒๕๕๒–๒๕๕๙) ครม.เห็นชอบแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. ๒๕๕๒–๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในช่วงระยะเวลาดังกล่าวต่อไป ซึ่งสาระสำคัญของแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง มีดังนี้



ปรัชญาหลักและกรอบแนวคิด
การจัดทำแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุงฯ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยึดทางสายกลางอยู่บนพื้นฐานของความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ อย่างมีเหตุผล มีความรอบรู้เท่าทันโลก เพื่อมุ่งให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและความอยู่ดีมีสุขของคนไทย เกิดการบูรณาการแบบองค์รวมที่ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีดุลยภาพ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม เป็นแผนที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และกีฬากับการศึกษาทุกระดับ รวมทั้งเชื่อมโยงการพัฒนาการศึกษากับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น โดยคำนึงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต



เจตนารมณ์ของแผน
แผนการศึกษาแห่งชาติมีเจตนารมณ์เพื่อมุ่งพัฒนาชีวิตให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข และพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีความเข้มแข็งและมีดุลยภาพใน 3 ด้าน คือ เป็นสังคมคุณภาพ สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ และสังคมสมานฉันท์และเอื้ออาทรต่อกัน


วัตถุประสงค์ของแผน
เพื่อให้บรรลุตามปรัชญาหลักและเจตนารมณ์ของแผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุงฯ จึงกำหนดวัตถุประสงค์ของแผนที่สำคัญ ๓ ประการ คือ ๑) เพื่อพัฒนาคนอย่างรอบด้านและสมดุลเพื่อเป็นฐานหลักของการพัฒนา ๒) เพื่อสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณธรรม ภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ๓) เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมเพื่อเป็นฐานในการพัฒนาคน และสร้างสังคมคุณธรรม ภูมิปัญญา และการเรียนรู้
แนวนโยบาย เป้าหมาย และกรอบการดำเนินงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทั้งสามประการดังกล่าว ประกอบกับการคำนึงถึงทิศทางการพัฒนาประเทศในอนาคตที่เน้นการใช้ความรู้เป็นฐานของการพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประชากร สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้กำหนดแนวนโยบายในแต่ละวัตถุประสงค์ ดังนี้


วัตถุประสงค์ ๑ พัฒนาคนอย่างรอบด้าน และสมดุล เพื่อเป็นฐานหลักของการพัฒนาแนวนโยบาย


- พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ในทุกระดับและประเภทการศึกษา
- ปลูกฝังและเสริมสร้างให้ผู้เรียนมีศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม มีจิตสำนึกและมีความภูมิใจในความเป็นไทย มีระเบียบวินัย มีจิตสาธารณะ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และรังเกียจการทุจริต ต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
- เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจนตลอดชีวิตได้มีโอกาสเข้าถึงบริการการศึกษาและการเรียนรู้ โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ ยากจน อยู่ในท้องถิ่นห่างไกล ทุรกันดาร
- ผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน และร่วมมือกับนานาประเทศ
- พัฒนามาตรฐานและระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ทั้งระบบประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก
- ผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐาน มีคุณธรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

วัตถุประสงค์ ๒ สร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมคุณธรรม ภูมิปัญญาและการเรียนรู้แนวนโยบาย


- ส่งเสริมการจัดการศึกษา อบรม และเรียนรู้ของสถาบันศาสนา และสถาบันทางสังคม ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
- ส่งเสริมสนับสนุนเครือข่ายภูมิปัญญา และการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม พลศึกษา กีฬาเป็นวิถีชีวิตอย่างมีคุณภาพและตลอดชีวิต
- ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม และทรัพย์สินทางปัญญา พัฒนาระบบบริหารจัดการความรู้ และสร้างกลไกการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์

วัตถุประสงค์ ๓ พัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคม เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาคน และสร้างสังคมคุณธรรม ภูมิปัญญาและการเรียนรู้


- พัฒนาและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อการพัฒนาคุณภาพ เพิ่มโอกาสทางการศึกษา และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยเร่งรัดกระจายอำนาจการบริหารและจัดการศึกษาไปสู่สถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ประชาชน ประชาสังคม และทุกภาคส่วนของสังคมในการบริหารจัดการศึกษา และสนับสนุนส่งเสริมการศึกษา
- ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ และการลงทุนเพื่อการศึกษา ตลอดจนบริหารจัดการ และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมความร่วมมือระหว่าประเทศด้านการศึกษา พัฒนาความเป็นสากลของการศึกษา เพื่อรองรับการเป็นประชาคมอาเซียน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ ขณะเดียวกันสามารถอยู่ร่วมกันกับพลโลกอย่างสันติสุข มีการพึ่งพาอาศัยและเกื้อกูลกัน
การบริหารแผนสู่การปฏิบัติ
แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ให้ความสำคัญกับการนำแผนสู่การปฏิบัติ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนข้อเสนอปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ที่เน้นเป้าหมาย ๓ ด้าน คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษา การขยายโอกาสทางการศึกษา และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริการและจัดการศึกษา ตลอดจนคำนึงถึงความสอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงเห็นควรกำหนดระยะเวลาดำเนินงานบริหารแผนสู่การปฏิบัติเป็น ๒ ระยะ ดังนี้



- ระยะที่ ๑ แผนงานรีบด่วน ระหว่างปี ๒๕๕๒–๒๕๕๔ ให้เร่งดำเนินการตามข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง โดยให้มีการจัดทำแผนเพื่อพัฒนาการศึกษาตามประเด็นเป้าหมายการปฏิรูปการศึกษา ได้แก่ แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา แผนขยายโอกาสทางการศึกษา และแผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการบริหารและจัดการศึกษา รวมทั้งควรมีการสร้างกลไกเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนการศึกษาแห่งชาติ



- ระยะที่ ๒ ระหว่างปี ๒๕๕๒–๒๕๕๙ ให้เร่งดำเนินการตามนโยบายทั้ง ๑๔ ด้านให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนฯ เมื่อสิ้นสุดระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ รวมทั้งการเตรียมการร่างแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ต่อไป
นอกจากนี้ ให้มีการจัดทำกรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาในช่วงระยะเวลา ๕ ปี เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาการศึกษาในภาพรวม และแผนพัฒนาการศึกษาแต่ละระดับ/ประเภทการศึกษา ที่สอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แก่ แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน แผนพัฒนา การอาชีวศึกษา แผนพัฒนาการอุดมศึกษา เป็นต้น



ส่วนในระดับจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ให้มีการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด และในระดับเขตพื้นที่การศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา ให้มีการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาเขตพื้นที่การศึกษา แผนพัฒนาการศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษา



ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2010/jan/003.html


หิมะกลบอังกฤษ จ่อหนาวสุดรอบ 100 ปีศึกคาร์ลิ่ง แมนยู VS แมนซิตี้ เลื่อน!



เมื่อ 5 ม.ค. 53 เดลี่เมล์และเทเลกราฟรายงานว่า สภาพอากาศหนาวเย็นและหิมะที่ตกหนักในอังกฤษที่ส่อเค้าจะเป็นฤดูหนาวที่เย็นยะเยือกที่สุดในรอบร้อยปี ทำให้การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยคาร์ลิ่งคัพรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 แมตช์ ต้องเลื่อนออกไป ทั้งดาร์บี้แมตช์ที่สองทีมแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ต้องเจอกันเอง ที่สนามของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนัดระหว่างทีมแบล๊กเบิร์นกับแอสตันวิลล่า ที่สนามอีวู้ดพาร์ก ของทีมกุหลาบไฟ โดยการพบกันนัดแรกของทั้งสองสายให้ไปแข่งวันที่ 19 ม.ค. ส่วนนัดที่สองให้แข่งวันที่ 27 ม.ค. 53

การเลื่อนแมตช์แข่งขันของคาร์ลิ่งคัพ ยังกระทบถึงตารางการแข่งขันของศึกพรีเมียร์ชิพของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะพบกับฮัลล์ ซิตี้ วันที่ 26 ม.ค. และนัดที่ทีมแมนซิตี้ที่จะพบกับสโต๊กวันที่ 27 ม.ค. ก็ต้องเลื่อนออกไปโดยปริยาย

สภาพอากาศฤดูหนาวของอังกฤษที่เริ่มต้นตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม ทำให้ช่วงเวลาของความหนาวเย็นในประเทศ ยาวนานที่สุดนับจากปี 2524 เหล่านักพยากรณ์อากาศเตือนด้วยว่า สภาพอากาศหนาวจะดำเนินต่อไป รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่พื้นที่ภาคเหนือและสกอตแลนด์ต่างเผชิญกับพายุหิมะที่ตกหนักร้ายแรงที่สุดอยู่ในตอนนี้ คลื่นความหนาวระลอกล่าสุดทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จะทำให้อังกฤษหนาวที่สุดในรอบ 100 ปี


วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลา 02:11 น. ข่าวสดออนไลน์