วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


หลังไทยรัฐประกาศเปิดตัวเอสเอ็มเอสการเมืองไทยรัฐอย่างเป็นทางการ ได้รับผลตอบรับจากคอการเมืองอย่างล้นหลาม และมีผู้สมัครสมาชิกจำนวนมาก...เมื่อวันที่ 25 ก.พ. หลังจากที่บริษัทเทรนด์ วีจี 3 จำกัด ผู้ให้บริการเอสเอ็มเอส ไทยรัฐท็อปนิวส์ และเอสเอ็มเอสบันเทิงไทยรัฐ ได้เปิดให้บริการเอสเอ็มเอสข่าวการเมืองไทยรัฐในช่วงที่สถานการณ์การเมืองดุเดือด เรียกได้ว่าห้ามกะพริบตาทุกวินาที โดยได้ร่วมกับ 4 ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ชั้นนำของประเทศ อาทิเช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค บริษัท ทรูมูฟ จำกัด หรือ ทรูมูฟ และ บริษัทฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด หรือ อัทช์ เพิ่มอีก 1 บริการนั้น ทั้งนี้ ปรากฏว่า ณ วันทีี่ 25 ก.พ.นั้น เอสเอ็มเอสข่าวการเมืองของไทยรัฐนั้น ได้รับผลตอบรับจากผู้ที่สนใจทางด้านการเมืองอย่างดี มีผู้สมัครเป็นสมาชิกจำนวนมาก สำหรับ ผู้ที่ต้องการสมัครเอสเอ็มเอสการเมืองไทยรัฐ ในระบบ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ สามารถทำรายการเองได้โดย กด *477488811 แล้วโทรออก ส่วนในระบบฮัทช์ พิมพ์ R ส่งมาที่ 4774888 พิเศษสมัครวันนี้ รับข่าวฟรี 7 วัน ค่าบริการปกติเพียง 29 บาทต่อเดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ไทยรัฐคอลเซ็นเตอร์ โทร 02-1271222 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.นายวัชร วัชรพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเทรนด์ วีจี3 จำกัด ผู้ให้บริการเอสเอ็มเอส ไทยรัฐท็อปนิวส์ และเอสเอ็มเอสบันเทิงไทยรัฐ กล่าวว่า จากกระแสเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยมากขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารของคนไทยเปลี่ยนไป ไทยรัฐจึงไม่หยุดนิ่งและได้พัฒนารูปแบบการนำเสนอข่าวให้ถึงมือคนไทย จึงเปิดตัวบริการเอสเอ็มเอสข่าวการเมืองไทยรัฐ เพราะเล็งเห็นว่าขณะนี้กระแสข่าวการเมืองไทยอยู่ในช่วงร้อนแรง ประกอบกับข่าวการเมืองของไทยรัฐได้รับความนิยมและเชื่อถือจากผู้อ่านทั่ว ประเทศมาตลอด ด้วยทีมข่าวที่เป็นมืออาชีพเชื่อถือได้ สามารถสื่อสารกับประชาชนด้วยความเป็นจริงและเป็นธรรม ตามจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนที่ดี ตามสโลแกน "ลึกทุกสถานการณ์ ตรงประเด็นกับทุกข่าวสารการเมืองไทย"ขณะที่ นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้อำนวยการสำนักการตลาดบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า การเปิดเอสเอ็มเอสข่าวการเมืองกับไทยรัฐ ถือเป็นการตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายคอการเมืองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ประชาชนต้องการรับข่าวสารมากขึ้น จากทีมข่าวคุณภาพของไทยรัฐที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ อีกทั้งไทยรัฐถือเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มีความเป็นสถาบันสื่อ ที่น่าเชื่อถือ ที่ผู้อ่านวางใจได้แน่นอนในเรื่องของความเที่ยงตรง แม่นยำขณะที่ นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยอาวุโส กลุ่มบริการเสริม บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ตลาดเอสเอ็มเอสการเมืองขณะนี้มีเพียงค่ายเดียวเท่านั้นที่เปิดให้บริการอยู่ การที่ไทยรัฐเปิดให้บริการถือเป็นทางเลือกอีกทางของผู้บริโภค เนื่องจากข่าวที่ไทยรัฐทำถือเป็นข่าวที่ดีมีคุณภาพ อีกทั้งแบรนด์ของไทยรัฐถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยรัฐจะให้บริการเปิดเอสเอ็มเอสข่าวการเมืองด้าน นายธีรพันธุ์ ศิริสุนทรไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัทฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ความต้องการรับรู้ข่าวการเมืองมีมากขึ้น เนื่องจากการเมืองเป็นเรื่องที่มีผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม อีกทั้ง ฮัทช์ ยังไม่มีการให้บริการเอสเอ็มเอสข่าวที่เน้นเรื่องการเมืองโดยเฉพาะ และด้วยความที่ไทยรัฐ มีจุดแข็งในเรื่องข่าวการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาไทยรัฐถือเป็นสื่อที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีข้อมูลเชิงลึก และที่สำคัญให้ข้อมูลอย่างเป็นกลาง ตรงไปตรงมาในจุดนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีความเคลื่อนไหวทางด้านการเมืองอยู่อย่างต่อเนื่องและ เข้มข้น อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นฮัทช์คาดว่าจะมีผู้สมัครขอรับข่าวเอสเอ็มเอสการ เมืองไทยรัฐประมาณกว่าหมื่นรายสำหรับ น.ส.ศศิธร กุลอุดมทรัพย์ รองผู้อำนวยการฝ่าย Convergence Strategic Partnership บริษัท ทรูมูฟ จำกัด กล่าวว่า บริการเอสเอ็มเอสการเมืองไทยรัฐถือเป็นบริการหนึ่งที่นำเสนอด้วยศักยภาพของ ไทยรัฐ ในการแจ้งข่าวสาร เสมือนการอ่านข่าวการเมืองจากหน้าหนึ่งไทยรัฐ ให้ประชาชนผู้สนใจข่าวการเมืองได้เปิดรับผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และจากจุดเด่นที่สำคัญของไทยรัฐในการเป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ทำให้เชื่อว่าการเปิดให้บริการดังกล่าวจะไทยรัฐมีศักยภาพมากที่จะนำเสนอ บริการนี้ ออกสู่ตลาดและประชาชนที่สนใจได้รับข้อมูลที่เป็นธรรมและน่าเชื่อถือได้ ทั้งนี้ทรูตั้งเป้าเอสเอ็มเอสการเมืองไทยรัฐไว้ 30% ของข่าวทั่วไปที่ขณะนี้มีลูกค้ากว่าแสนราย

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แก๊งขโมยรถจักรยานยนต์ระบาด ในเชียงใหม่


"นกพิราบ" ร้าย ยังไม่เท่ากับ "คน"


กรณีการเสื่อม-โทรม และแฝงไว้ด้วยหลาย ๆ ปัญหาของ “สนามหลวง” ซึ่งทาง “เดลินิวส์” ได้ตีแผ่-นำเสนออย่างเกาะติด และทางหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กทม. (กรุงเทพมหานคร) ก็ได้เร่งปรับปรุง-พัฒนาตามแผนงานที่มีอยู่นั้น ล่าสุดความเคลื่อนไหวดูจะเทน้ำหนักไปที่ “นกพิราบ” การจะนำนกพิราบออกจากพื้นที่ “นกพิราบสนามหลวง” ส่งผลเสียต่อสถานที่สำคัญ ๆ แต่เมื่อจะย้ายไปที่อื่น...ที่ไหน ๆ ก็คัดค้าน-ก็ต่อต้าน !! ทั้งนี้ “นกพิราบ” ที่หากินอยู่บริเวณสนามหลวงนั้น ด้านหนึ่งเกี่ยวพันเป็นผลดีต่อคนที่ทำอาชีพขายอาหารนก ซึ่งเมื่อจะมีการย้ายนกออกไปก็คงต้องดูแลคนที่มีอาชีพอยู่เดิมด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าจะไม่ย้ายนกออกจากพื้นที่ ผลเสียที่มีมานานต่ออาคารสถานที่สำคัญ ๆ รายรอบสนามหลวง โดยเฉพาะวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง ก็จะไม่ยุติลง และอาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะให้เป็นเช่นนี้มิได้ กล่าวสำหรับนกพิราบนั้น ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.vet.ku. ac.th ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า... พิราบเป็นนกพื้นบ้านที่มีประวัติศาสตร์การเพาะเลี้ยงด้วยจุดประสงค์ต่าง ๆ มานานกว่า 3,000 ปี สืบเชื้อสายมาจากนกสายพันธุ์ร็อกโดฟ หรือร็อกพีเจี้ยน ซึ่งอาศัยอยู่ตามหน้าผาหิน โดยได้แตกแขนงสายพันธุ์กับรูปลักษณ์ตามท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งสำหรับในไทยนกพื้นบ้านเหล่านี้ได้แก่นกพิราบที่อาศัยตามท้องไร่ท้องนา ต่อมาได้ปรับตัวเข้ามาอยู่ในเมือง ตามสถานที่ต่าง ๆ นกพิราบในไทยส่วนหนึ่งเป็นนกเลี้ยง-พันธุ์ดี-มีราคา แต่ที่เป็นปัญหาคือนกพิราบส่วนใหญ่ที่อยู่กันอิสระ !! นอกจากการทำรังตามอาคารสถานที่ต่าง ๆ จนทำให้สถานที่นั้น ๆ เสียหายแล้ว ปัญหาสำคัญที่เกิดจากนกพิราบที่ไม่ใช่นกเลี้ยง คือ “ความสกปรกจากมูลนก” และโดยเฉพาะ “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่ อาจติดต่อจากนกสู่คน ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้ผู้คนในย่านสถานต่าง ๆ ไม่อยากให้มีนกพิราบจำนวนมากมาอยู่ใกล้ ๆ ที่ผ่านมาในช่วงที่มีโรค “ไข้หวัดนก” ระบาดในไทย นอกจากสัตว์ปีกอื่น ๆ แล้ว กับ “นกพิราบ” ก็ถูกจับตา ถูกรังเกียจเช่นกัน ที่สำคัญยังมีการตรวจพบนกพิราบในไทยที่ตายโดยที่มีเชื้อไข้หวัดนกด้วย ส่วนกับโรคอื่นที่มีผู้เชี่ยวชาญเตือนไว้นานแล้วว่านกพิราบสามารถเป็นพาหะได้ ที่ทำให้เสียชีวิตได้คือ “ไข้สมองอักเสบ” การสัมผัสนกพิราบหรือมูลนกพิราบอาจทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โดยในมูลนกพิราบมีเชื้อคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์มานส์ (Cryptococcus Neoformans) ที่ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ นอกจากนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.nokkhao.com ก็ระบุว่า... ในมูลนกชนิดต่าง ๆ จะมี ครีอาตินิน (creatinine) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเชื้อราจะใช้สารเหล่านี้เป็นแหล่งธาตุไนโตรเจนในการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ โดยเชื้อตัวหนึ่งที่ถือว่าอันตรายก็คือเชื้อราคริปโตคอคคัส นีโอฟอร์มานส์ ซึ่งเป็นเชื้อราที่พบมากในมูลนกตระกูล “นกพิราบ” เชื้อราชนิดนี้จะเติบโตได้ดีในแหล่งที่มีอุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่ชื้น แดดส่องไม่ถึง ซึ่ง รังนกพิราบตามอาคารสถานที่ต่าง ๆ ก็อยู่ในข่ายน่ากลัว คนสามารถรับเชื้อนี้ได้โดยการหายใจเอาสปอร์หรือตัวเชื้อราเข้าไปในปอด โดยทั่วไปเชื้อราและสปอร์จะมีน้ำหนักเบา และถูกพัดพาให้กระจายในอากาศได้โดยง่าย ภัยจากเชื้อนี้จะเกิดที่ปอดก่อนเป็นอันดับแรก และลามไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่านทางกระแสเลือด ที่ถูกฟอกไหลผ่านปอด ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย การเกิดโรคจะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และเรื้อรัง คนที่ได้รับเชื้อนี้เข้าไปจะมีอาการปวดศีรษะเป็นพัก ๆ และอาการปวดจะเพิ่มขึ้น มีอาการหน้ามืด วิงเวียน ปวดขมับ เบ้าตา บางครั้งอาจถึงอาเจียน ข้อมูลในเว็บไซต์ยังระบุไว้อีกว่า... คนที่เป็นโรคนี้ที่ปอดจะมีอาการ ไอ มีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำ น้ำหนักลด อาจมีอาการของ หลอดลมอักเสบ ร่วมด้วย แต่ในบางคนอาจจะไม่มีอาการอยู่เลย เชื้ออาจจะฟักตัวในร่างกายเป็นเวลาหลายปี จนเมื่อร่างกายอ่อนแอจึงจะแสดงอาการออกมา ส่วนในคนที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อนี้จะเจริญเติบโตได้ดีเพราะภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งจะมีอาการรุนแรงกว่าคนปกติ รักษาได้ยากกว่า การรักษาจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะระยะเวลาหนึ่ง และรักษาตามอาการต่าง ๆ นี่เป็นข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับ “โรคภัยจากนกพิราบ” ซึ่งก็ไม่น่าแปลกที่ “นกพิราบสนามหลวง” ถูกรังเกียจ อย่างไรก็ตาม กับ “ปัญหาสนามหลวง” ที่ “เดลินิวส์” ตีแผ่-นำเสนอเกาะติดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงอย่างรวด เร็ว และต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมกับยุคสมัย โดยคำนึงถึงความ เดือดร้อนที่อาจเกิดกับคนบางกลุ่มที่ประกอบสัมมาชีพสุจริตในพื้นที่ นั้น ไม่ควรมาสะดุดหรือวุ่น ๆ อยู่แค่เรื่อง “นกพิราบ” “เพราะคน” สาเหตุนี้จะต้องเร่งแก้-เร่งดูแล...ใช่แค่นก “สนามหลวง” ที่ “เสื่อมโทรม” มาก...ก็เพราะคน !!!.

โรงไฟฟ้าระเบิก เจ็บ 11 ราย มะกันสุดระทึก


เกิดเหตุระเบิดรุนแรงที่โรงไฟฟ้า "Kleen" ในมลรัฐคอนเนตทิคัต ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยล่าสุดยังไม่มีรายงานถึงจำนวนผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ประชาชนที่อยู่ห่างจากโรงไฟฟ้าออกไปราว 20 ไมล์ รายงานว่าได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นช่วงเวลา 11.30 น.(ตามเวลาท้องถิ่น) จากโรงไฟฟ้า "Kleen" ในเมือง มิดเดิลทาวน์ แถบชานเมืองฮาร์ตฟอร์ด โดยล่าสุดยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 11 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาล

โรงไฟฟ้านี้ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง และยังไม่เปิดใช้งานแต่อย่างใด โดย อัล ซานโตสเตฟาโน เจ้าหน้าที่จากหน่วยดับเพลิงบอกว่า มีคนงานกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ราว 50 คน ในช่วงที่เกิดระเบิด

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ก. วิทย์ชี้ 2 สัปดาห์ รู้ผลเครื่อง GT-200


โดยจะมีการระดมนักวิชาการ-หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจจีที200 ยืนยันมี อาจารย์จุฬาฯ ร่วมในคณะด้วยแน่นอน ทั้งนี้จะรายงานผลให้ ครม.เป็นระยะ...ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (3 ก.พ.) ที่รัฐสภา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนยี แถลงถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมถึงทางกรรมาธิการ (กมธ.) ความั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นเจ้าภาพในการตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด จีที 200 และเครื่องมื่อที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวต่อว่า ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้เชิญบุคลกรกว่า 20 คน จากหลายฝ่ายมาเข้าร่วมเป็นคณะทำงาน อาทิ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆเข้าร่วมตรวจสอบ ทั้งนี้ยืนยันว่านายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าร่วมอยู่ในคณะทำงานตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วย คุณหญิงกัลยา กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 4 ก.พ. ทางกระรวงวิทยาศาสตร์ฯ จะมีการประชุมในเรื่อดังกล่าว เวลา 15.30 น. โดยให้นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ไปกำหนดกรอบในการตรวจสอบประสิทธิภาพ รวมถึงวิธีการและขั้นตอน ซึ่งเบื้องต้นจะมีการตรวจสอบทั้งในภาคสนามและห้องทดลอง หากที่ประชุมกำหนดกรอบได้ตรงกัน ก็น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ เพื่อหาข้อยุติ และระหว่างการตรวจสอบจะมีการรายงานให้ครม.ทราบเป็นระยะๆ

ศึกภายระหว่างสารวัตรเหลิมและหญิงหน่อย


พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เผย พ.ต.ท.ทักษิณ รู้เรื่องศึกภายระหว่างสารวัตรเหลิมและหญิงหน่อย แล้ว ชี้ เป็นเรื่องดีจะได้ถือโอกาสเคลียร์ปัญหาเรื่องแบ่งพื้นที่ดูแล ส.ส.กทม. ชี้ ทุกอย่างต้องจบก่อนศึกอภิปรายฯ... พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เพื่อนสนิทเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทราบเหตุวิวาทะระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และ คุณหญิงสุดารัตน์ ​เกยุราพันธุ์​ แล้ว แต่เบื้องต้นเชื่อว่า จะไม่นำไปสู่ปัญหาความแตกแยกภายในพรรคเพื่อไทย และยังมองในแง่ดีว่า บางทีการที่ทั้งสองฝ่าย ออกมาเปิดศึกกันตรง ๆ ในครั้งนี้ ก็ถือว่าน่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะปัญหาเรื่องการแบ่งพื้นที่ดูแล ส.ส.ใน กทม. ระหว่างทั้งสองคนนั้น ก็ทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง จนเกิดความบาดหมางเรื้อรัง จนทำให้ทั้งสองฝ่ายต่าง ทะเลาะเบาะแว้งกันมานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดกันตรง ๆ เพราะฉะนัั้นในเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ ก็คงจะได้มีการพูดจาหารือระหว่างกันอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบลงซะที ส่วนปัญหาในเรื่องนี้ จะส่งผลต่อศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่กำลังจะมีขึ้น โดยเฉพาะการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม เป็นหนึ่งใน แคนดิเดต เพราะอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ฝ่าย คุณหญิงสุดารัตน์​ หรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุเมธ กล่าวว่า คงไม่น่าจะมีปัญหาเพราะอย่างไรก่อนที่จะมีการตัดสินใจยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทางพรรคเพื่อไทย จะต้องเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้ลงตัวทั้งหมด ก่อนที่จะตัดสินใจเสนอชื่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด อยู่แล้ว ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องถึงกับลงมาเคลียร์ปัญหาในเรื่องนี้ด้วยตนเอง หรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุเมธ ​กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบแต่เชื่อว่าภายในพรรคน่าแก้ปัญหากันเองได้

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รัฐบาลอังกฤษเตรียมพิจารณายกเลิกการใช้งานเบราเซอร์ Internet Explorer 6


รัฐบาลอังกฤษเตรียมพิจารณายกเลิกการใช้งานเบราเซอร์ Internet Explorer 6 เนื่องจากกังวลเรื่องปัญหาความปลอดภัย และเทคโนโลยีที่ล้าสมัย...การพิจารณายกเลิกการใช้งานเริ่มจากกรมอนามัยที่เรียกร้องให้สาธารณสุขแห่งชาติ (NHS) เปลี่ยนไปใช้เบราเซอร์ที่ล้ำสมัยกว่า โดยได้เขียนคำร้องไปยังรัฐบาลของอังกฤษ ซึ่งมีใจความสำคัญถึงการที่สาธารณชนจะเป็นตัวตั้งตัวตีในการยกเลิกการใช้งาน 'IE6' และให้รัฐบาลทำตาม หลังจากที่ บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องถูกรัฐบาลบีบให้สร้างเว็บไซต์เพื่อรองรับ 'IE6' มาเป็นระยะเวลานานขณะที่ในสหรัฐอเมริกา โครงการ 'ie6nomore' ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทมากกว่า 70 แห่ง ที่วิจารณ์ว่าซอฟต์แวร์นี้ทำให้เว็บไม่พัฒนา

พรรคเพื่อไทย ร้าวหนัก “เฉลิม” เดือด ด่าประจาน “สุดารัตน์” ทำพรรควุ่นวาย


พรรคเพื่อไทย ร้าวหนัก “เฉลิม” เดือด ด่าประจาน “สุดารัตน์” ทำพรรควุ่นวาย ซ้ำ ชอบคอยเตะตัดขา พร้อมเสนอพรรคแบ่งโซน กทม. แยกทีมดูพื้นที่...วันที่ 2 ก.พ. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า ได้ขอลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งภายในพรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และกันข้อครหาต่างๆ ภายหลังจากที่มีการปล่อยข่าวในทางเสื่อมเสียเกี่ยวกับตนมาเป็นเวลานาน แต่ที่ประชุมได้เสนอให้ตนกลับมารับตำแหน่งทุกตำแหน่งเหมือนเดิม และไม่มีการเสนอชื่อคู่แข่ง วันนี้ที่พรรคเพื่อไทย ต้องยุ่งวุ่นวายก็เพราะ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนเดียว เขตเลือกตั้งของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม.นั้น จะไม่ไปปราศรัยหาเสียงให้ด้วย ยืนยันว่าตนไม่เคยคิดตั้งกลุ่มหรือจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถ้ายุติบทบาทกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ก็เลิกเล่น ไม่มีไปตั้งกลุ่มการเมืองอะไรที่ไหนอีก “ผมยอมมานานเพราะเกรงใจท่านทักษิณและคุณหญิงอ้อ เกรงใจพรรค แต่พอยอมมากเข้าก็จะกลายเป็นว่าถูกกำไต๋ไว้ ผมเลยต้องพูดว่าวันนี้จะมาทะเลาะกันเองไปทำไม สู้กับประชาธิปัตย์ มันง่ายนักหรือ สุดารัตน์เคยอภิปรายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างในชีวิตการเมือง พวกนี้มันเป็นแมว ท่านทักษิณเลี้ยงดีหน่อยลายเลยใหญ่แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเสือ ลูกผม 3 คนก็เรียนจบปริญญาโท เท่าสุดารัตน์ ผมได้เสนอที่ประชุมแบ่ง กทม.ออกเป็น 3 โซน คือ เหนือ ใต้ และฝั่งธน แบ่ง ส.ส.โซน ละ 12 คน เพราะประธานคนเดียวดูไม่ไหว โดยประธานทั้ง 3 โซนต้องขึ้นตรงกับพรรค ไม่มีกลุ่ม เรื่องนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด ทางที่ดีต้องก่อนเลือกตั้ง ถ้าไม่มีคนดูฝั่งธน ผมดูให้ก็ได้ ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้พูดกับผู้สื่อข่าวโจมตีคุณหญิงสุดารัตน์อย่างดุเดือดว่า ชอบต่อสายถึงคอลัมนิสต์ เพื่อให้มาโจมตีตน แล้วเข้ามายุ่มย่ามการทำงานในพรรค โดยระหว่างนั้น น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี คนสนิท คุณหญิงสุดารัตน์ ได้ลงลิฟท์มา เจอกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่กำลังกล่าวโจมตี คุณหญิงสุดารัตน์ อยู่พอดี ร.ต.อ.เฉลิมจึงได้เรียกทั้ง 2 คน เข้ามาต่อว่าอย่างรุนแรงว่า อนุดิษฐ์ อนุสรณ์ และศักดา ถือเป็นศัตรูกับตนเอง เพราะให้สัมภาษณ์ด่าตนเองไว้ และตนได้ตัดหนังสือพิมพ์แปะไว้หมด ที่ผ่านมาทั้งสามคนใกล้ชิดกับสุดารัตน์ มากเกินไป พยายามสกัดไม่ให้ลูกตนเองลงเลือกตั้ง ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ ได้แต่ยืนรับฟังด้วยอาการเกร็ง สีหน้าแดงกล่ำ พูดได้แต่เพียงว่า ครับๆ พร้อมชี้แจงว่า ไม่เคยให้สัมภาษณ์โจมตีท่าน และไม่เคยคิดร้ายกับท่าน ถ้าให้สัมภาษณ์จริงก็ยินดีจะกราบเท้าท่าน ส่วน น.ต.ศิธา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้พยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย โดนระบุว่า “ ในที่ประชุมพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ยังสนับสนุนให้พี่กล่าวเปิดและปิดการอภิปรายเลย จะด่าพี่ได้อย่างไร ” พร้อมกับเข้าไปกอด ร.ต.อ.เฉลิม ให้หายเครียด จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม จึงกล่าวว่า “ น.ต.ศิธา ยังดีที่ไม่ด่าตนเอง เพราะเป็นคนมองการณ์ไกล รู้ว่าตนเองจะเป็นใหญ่ ทั้งที่ก็เป็นเด็กของสุดารัตน์ เหมือนกัน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ ถ้าอนุดิษฐ์บอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ก็จบ แต่ตนเองตัดหนังสือพิมพ์เก็บไว้หมดที่ให้สัมภาษณ์ อย่าไปหลงฟังสุดารัตน์​ มากเกินไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย น.ต.ศิธา พยายามพูดคลี่คลายสถานการณ์ ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ ยืนนิ่ง ไม่ได้โต้เถียง โดย ร.ต.อ.เฉลิมจึงเข้ามาตบไหล่ น.อ.อนุดิษฐ์ โดยย้ำว่าถ้าไม่ได้พูดก็จบ แต่ตนเองมีหนังสือพิมพ์ตัดเก็บไว้หมด

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


ทอ.เตรียมแผนรับ “เสื้อแดง” จัดชุด “อากาศโยธิน -สห” ป้องกันที่ตั้งห้ามเข้ามาชุมนุมในพื้นที่ของทางราชการอย่างเด็ดขาด...พล.อ.ต.อานนท์ จารยะพันธุ์ ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง (ผบ.ดม) กล่าวถึงมาตรการเตรียมพร้อมรับมือคนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมหน้ากองทัพอากาศว่า กองทัพอากาศได้จัดทำแผนป้องกันที่ตั้งไว้เรียบร้อย โดยเตรียมกำลังจากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (อย.) และสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) จะดูแลความเรียบร้อยภายในกองทัพอากาศ ส่วนพื้นที่รอบนอกจะเป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนสถานที่ในพื้นที่กองทัพอากาศ คงให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมในพื้นที่ภายในที่เป็นสถานที่ราชการไม่ได้“กลุ่มคนเสื้อแดงคงทราบพื้นที่กองทัพอากาศเป็นเขตราชการ จะเข้ามาชุมนุมไม่ได้เด็ดขาด แต่หากจะมาชุมนุม เท่าที่ประเมินไว้น่าจะเป็นในส่วนของหน้าฐานทัพอากาศ ถนนวิภาวดีรังสิต และช่องทางเข้ากองบัญชาการกองทัพอากาศฝั่งถนนพหลโยธิน แต่หากกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมกัน อาจส่งผลให้การจราจรในบริเวณดังกล่าวที่แออัดอยู่แล้ว และเป็นเส้นทางสัญจรหลักที่ประชาชนต้องใช้ อาจทำให้ติดขัดหนักขึ้นได้ อาจส่งผลกระทบต่อมวลชนของคนเสื้อแดงเอง”ผบ.ดม.กล่าว พล.อ.ต.อานนท์ กล่าวว่า การชุมนุมเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เราไม่ได้ห้าม แต่เกรงว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการจราจร ดังนั้น จึงประสานกับทางตำรวจ คือ บกน.2 ในการดูแลความเรียบร้อยภายนอก แต่ขณะนี้ทราบว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มาที่กองทัพอากาศแล้วจะไปที่กระทรวงกลาโหมแทน อีกทั้งกองทัพอากาศก็ไม่มีเงื่อนไขที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมาชุมนุมเรียกร้อง หากมาเราต้องปิดช่องทางในพื้นที่บางส่วน และต้องกวดขันการจราจรที่กองทัพอากาศ

รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ชี้ จนท.บกพร่อง คนร้ายปาอึบ้านนายกฯ เตรียมเรียก ผบช.น.หารือ เพิ่มมาตรการเข้ม รปภ.บุคคลสำคัญขั้นสูงสุด เชื่อโยงเครือข่าย"ทักษิณ" ป่วนคดียึดทรัพย์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 2 ก.พ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณีเหตุคนร้ายขับขี่รถจกรยานยนต์ปาถึงอุจจาระ 4 ถุงใส่บ้านพัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซอยสุขุมวิท 31 ช่วงเที่ยงวันที่ 1 ก.พ.ว่า ถือเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ เตรียมเรียก พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หารือเพิ่มความเข้มข้น การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญขั้นสูงสุด เชื่อเชื่อมโยงฝีมือเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ป่วนหวังผลคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ สำหรับบรรยากาศ นายกรัฐมนตรี ซอยสุขุมวิท 31 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานค (กทม.) มีกำลังตำรวจ สน. ทองหล่อ ตำรวจสายตรวจ 191 และสารวัตรทหาร รวม 30 นาย คุมเข้มดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย พร้อมตั้งจุดตรวจตลอด 24 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุดังกล่าว ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังสงบเรียบร้อย ส่วนบริเวณโดยรอบบ้านนายกรัฐมนตรี ยังคงมีการตั้งด่านตั้งแต่ปากซอยสุขุมวิท 31 ช่วงเวลา 22.00-05.00 น. พร้อมให้ตำรวจสายตรวจเพิ่มความถี่ ออกตรวจตรารอบบริเวณบ้านด้วยสำหรับเช้าวันที่ 2 ก.พ. จะเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 อีก 30 นาย เข้ามาเสริมกำลังที่มีอยู่เดิม โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณบ้านนายกรัฐมนตรีระบุว่า เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นข่าว

ขู่ฟ้องแกนนำเสื้อแดง "สมคิด" ยันไม่ย้ายออกนอกพื้นที่


ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เตรียมฟ้องแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่บุกรุกปิดล้อมสำนักงานเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งยืนยันหนักแน่นจะไม่ย้ายออกนอกพื้นที่...พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีถูกกลุ่มเสื้อแดงปิดล้อมสำนักงานมานานเกือบสัปดาห์ ระบุเตรียมยื่นฟ้องดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดง ทั้งกรณีที่กล่าวตนเป็นฆาตกร และบุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการ ทั้งยังใช้ประทัดยักษ์ปาใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บหลายนาย พร้อมยังยืนยันหนักแน่นจะไม่ย้ายออกนอกพื้นที่ เนื่องจากยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาทั้งนี้ พล.ต.ท.สมคิด ยังปฏิเสธกระแสข่าวซื้อตำแหน่งในการโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ และผู้กำกับเมื่อช่วงที่ผ่านมา ย้ำพิจารณาไปตามความเหมาะสมและอาวุโส ถ้าตำรวจนายใดคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถยื่นคำร้องมาได้ ซึ่งพร้อมจะให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน.